วุฒิสภา “ไม่เห็นชอบให้ใช้อวนตาถี่ ไฟล่อ” (แก้ ม.69 กฎหมายประมง 58)

นราวิชญ์ เชาวน์ดี
ที่มา Green News

ที่ประชุมวุฒิสภาวันนี้ มีมติ “128 ต่อ 8 เสียง” เห็นชอบตามข้อเสนอ กมธ.วุฒิสภา “ห้ามใช้อ้วนล้อมจับทุกชนิดที่ช่องตาอวนเล็กกว่า 2.5 ซม. ทำการประมงในเวลากลางคืน”

ซึ่งแย้งกับร่างฯ ที่สภาผู้แทนราษฏรเห็นชอบ “ใช้อวนล้อมจับตาถี่ในเวลากลางคืนได้ แต่ต้องนอกเขต 12 ไมล์ทะเล”

“ทะเลไทยรอดไปอีกด่าน ด่านต่อไป ที่ประชุมรัฐสภาร่วม” เสียงจากกลุ่มสิ่งแวดล้อม

นราวิชญ์ เชาวน์ดี รายงานเหตุผลฝ่าย “หนุน-ค้าน” ก่อนการลงมติ และท่าที-ความเคลื่อนไหว เครือข่ายประมงพื้นบ้านต่อการพิจารณาฯ ในสภา

(ภาพ : TPchannel)

มติที่ประชุมวุฒิสภา “แก้มาตรา 69”

ที่ประชุมวุฒิสภา ครั้งที่​ 18 สมัยสามัญ​ประจำปี​ครั้ง​ที่​สอง วันนี้ (25 ก.พ. 2568) ได้มีการพิจารณาวาระ 2 รายมาตรา “ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. ….” หรือ “ร่างกฎหมายประมงฉบับใหม่” ซึ่งผ่านการพิจารณาของ “คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. … วุฒิสภา” แล้ว

ในการพิจารณารายมาตราในมาตรา 28 ของร่างกฎหมายประมงฉบับใหม่ ซึ่งเป็นการแก้ไขมาตรา 69 ใน พ.ร.ก. ประมง 2558 ที่ประชุมฯ มีมติ “ไม่เห็นชอบ” ตามร่างที่สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบแล้ว แต่ “เห็นชอบ” ตามการแก้ไขของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา ที่เสนอให้แก้ไขเป็น“ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อมจับทุกประเภทที่มีช่องตาอวนเล็กกว่าสองจุดห้าเซนติเมตร ทําการประมงในเวลากลางคืน” โดยมีมติเห็นด้วยตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา เสนอ 128 ไม่เห็นด้วย 8 งดออกเสียง 3 ไม่ลงคะแนนเสียง 0 จากจำนวนผู้ลงมติ 139 คน  

การประชุมฯ มี มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธาน พิจารณาเรื่องด่วน “ร่างพ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมงปี 2558” และธวัช สุระบาล ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา เสนอรายงานพิจารณา และชี้แจงว่า ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้มีจำนวน 71 มาตรา และในการพิจารณา คณะกรรมมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา ได้มีการเชิญตัวแทนจากประมงพาณิชย์ ตัวแทนประมงพื้นบ้าน นักวิชาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาให้ความเห็นประกอบการพิจารณา

15.42 น. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบผ่านวาระ 3 ร่างพ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. … ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 141 ไม่เห็นด้วย 3 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนนเสียง 0 จากผู้เข้าประชุม 148 คน

ทั้งนี้ เนื่องจากมีมาตราที่วุฒิสภาไม่เห็นชอบตามที่ สส. เสนอและมีการแก้ไข ทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งกลับไปให้ สส. พิจารณาอีกครั้ง หากสส. เห็นชอบด้วย ก็นำสู่ขั้นตอนประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป แต่หาก สส. ไม่เห็นด้วยจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญร่วม 2 สภา เพื่อพิจารณาต่อไป

“วุฒิสภาไม่เห็นชอบให้ใช้อวนตาถี่ ไฟล่อ ทะเลไทยรอดไปอีกด่าน ด่านต่อไปที่ประชุมรัฐสภาร่วม” เพจ คนอนุรักษ์ เปิดเผย

“ฟังติดตามการประชุม สว. จาก เกาะกลางอันดามัน ร่วม เฮ กับพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน และองค์กรต่าง ๆ ที่ สว. สนับสนุน ปรับแก้ ม.69 ห้ามใช้อวนล้อมจับทุกประเภทฯ ด้วยอวนตาถี่

อย่างไรก็ตาม ผมให้กำลังใจ เสียง สว.ที่ สงวนคำแปรญัติในมาตราอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง แรงงาน บทลงโทษ เพราะอย่างน้อยจะได้มีการอภิปรายแต่ละประเด็นให้เป็นที่รับรู้กว้างขวาง

ขอบคุณ สว.ที่โหวตปรับมาตรา 69 ห้ามอวนล้อมจับตาถี่เวลากลางคืน และส่งแรงใจให้ทุกท่าน เรายังมีภารกิจ ขอให้ สส. เห็นด้วยเถิดดด” วิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย เปิดเผยผ่านเฟสบุ๊ก

(ภาพ : ทีมสำรวจ 12 ไมล์ทะเล)

มติกมธ. วุฒิสภา “แก้มาตรา 69”

ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา เมื่อ 7 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติ ตีตก 10 ต่อ 5 ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 69 ใน พ.ร.ก. ประมง 2558 ตามที่สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบและเสนอให้วุฒิสภาพิจารณา

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายประมงฉบับใหม่ ซึ่งที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวทั้ง 3 วาระ และส่งให้วุฒิสภาพิจารณา เสนอให้แก้ไข มาตรา 69 ตามกฎหมายประมงเดิม (พ.ร.ก. การประมง 2558) โดยให้ยกเลิกความในมาตรา 69 แห่ง พ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558 และให้ใช้ “ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อมจับ ที่มีช่องตาอวนเล็กกว่าสองจุดห้าเซนติเมตร ทำการประมงในเขตสิบสองไมล์ทะเล นับจากแนวทะเลชายฝั่งในเวลากลางคืน

การทำการประมงนอกเขตสิบสองไมล์ทะเลตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และพื้นที่ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวต้องกำหนดในเรื่องการใช้แสงไฟล่อไว้ด้วย

แต่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา เสนอให้แก้ไข โดยระบุไว้ในมาตรา 28 ตามร่างฉบับล่าสุด ให้ยกเลิกความในมาตรา 69 แห่ง พ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558 และให้ใช้ “ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อมจับทุกประเภทที่มีช่องตาอวนเล็กกว่าสองจุดห้าเซนติเมตร ทําการประมงในเวลากลางคืน” 

ทั้งนี้ในกฎหมายประมงฉบับปัจจุบัน หรือ พ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558 มาตรา 69 ระบุว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อมจับ ที่มีช่องตาอวนเล็กกว่าสองจุดห้าเซนติเมตร ทําการประมงในเวลากลางคืน

ข้อความใหม่ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา เสนอแก้ไข จะคล้ายกับ มาตรา 69 ใน พ.ร.ก. การประมง พ.ศ. 2558 แต่จะเพิ่มคำว่า “ทุกประเภท” หลังเครื่องมืออวนล้อมจับ

(ภาพ : บรรจง นะแส)

เหตุผลฝ่ายหนุนร่าง สส.

ปริญญา วงษ์เชิดขวัญ สมาชิกวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา ขอสงวนความเห็นเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา และเสนอให้ใช้ร่างที่สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบแล้ว กล่าวว่า หากเปิดให้มีการจับปลากะตักได้ในเวลากลางคืนจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ซึ่งเหตุผลที่จำเป็นต้องใช้อวนที่มีตาขนาดเล็กเพราะว่าปลากะตักเป็นปลาขนาดเล็กใช้อวนตาใหญ่จับไม่ได้ และสิ่งที่ประชาชนกังวลว่าจะทำให้เกิดการจับสัตว์น้ำวัยอ่อน อยากให้เข้าใจว่าเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ก็อยู่ภายใต้การควบคุม ไม่ต้องกังวลเรื่องจะไปช้อนปลาวัยอ่อน

ประเทศ ซอรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา ผู้สงวนความเห็น กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า ปลากะตักจะมีอายุขัยราว 1 ปี และหากไม่จับก็จะตายตามธรรมชาติ เกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจ เพื่อความคุ้มค่าจึงต้องแก้กฎหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ทิ้งให้สูญเสียไปตามอายุขัย

“หลังจากนี้ก็จะมีการออกเป็นประกาศรัฐมนตรี ระบุข้อกำหนดต่าง ๆ ในการจับ ระบุช่วงเวลา ระบุพื้นที่ในการจับ นอกจากนี้ยังมีการกำหนดโควต้าในการจับ เพื่อไม่ให้กระทบกับสัตว์น้ำอื่น ๆ จึงขอยืนยันว่ามาตรการต่าง ๆ ที่กรมประมงกำหนดไว้ สามารควบคุมไม่ให้เกิดการจับสัตว์น้ำชนิดอื่นได้” รองอธิบดีกรมประมง กล่าว

ชวพล วัฒนพรมงคล สมาชิกวุฒิสภา กล่าวสนับสนุนว่ามีความจำเป็นต้องนำปลากะตักมาใช้ประโยชน์ เพราะตอนนี้เรือประมงหลายลำไม่สามารถดำเนินกิจการได้ เพราะฉะนั้นใจความสำคัญคือการจับอย่างไรให้มีความสมดุล โดยเห็นว่าร่างที่ผ่านการพิจารณาจากสส. มีการคิดมาดีแล้ว

(ภาพ : TPchannel)

เหตุผลฝ่ายหนุนข้อเสนอ กมธ. วุฒิสภา

นรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา กล่าวสนันสนุนการแก้ไขของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา และตั้งข้อสังเกตว่าหากร่างกฎหมายของสส.ประกาศใช้ผู้ที่ได้ประโยชน์จะประกอบด้วยประมงพาณิชย์ไม่กี่รายเท่านั้น ระบุว่า จากที่ตนศึกษาก็เห็นปัญหาว่า หากมีการอนุญาตให้ใช้อวนตาถี่ประกอบไฟล้อมจับสัตว์น้ำนอกเขต 12 ไมล์ทะเลในเวลากลางคืนได้ ประเทศไทยจะต้องเจอกับการลดลงของประชากรสัตว์น้ำอย่างมหาศาล และไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ เพราะหากปล่อยให้ลูกสัตว์น้ำเศรษฐกิจเติบโตจะส่งผลดีกับเศรษฐกิจมากกว่า

“หากแก้ไขจะกระทบกับระบบนิเวศไทยอย่างใหญ่หลวงจะเป็นความเสียหายทางระบบเศรษฐกิจ สั่นคลอนความมั่นคงทางประมงไทย

ส่วนข้อสงสัยว่านอกเขต 12 ไมล์ทะลจะมีลูกปลาทะเลจริงหรือ ความจริงที่เปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้จากรายงานของ Thai PBS พบว่านอกเขต 12 ไมล์ะเล พบสัตว์น้ำเป็นจำนวนมาก ทั้งตัวอ่อนและตัวเต็มวัย มีปลาหลายตัวที่มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศ เป็นปลาเศรษฐกิจราคาสูง ลูกปลาเก๋า ก็เจอ ปลานกฮูกก็พบ ปลาตาหวาน ปลากะมง และมีสัตว์น้ำอื่น ๆ อีกมากมาย ปู ปลาหมึก ปลาปักเป้า โลมา ฉลามหัวค้อน การแก้ไขกฎหมายนี้จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศแน่ ๆ 

และที่บอกว่าไม่จับปลากะตักจะตายอย่างไร้ประโยชน์ ผมเห็นว่ามองแคบไป เพราะปลากะตักก็เป็นปลาที่มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศ เป็นอาหารของปลาชนิดอื่น ๆ” นรเศรษฐ์ กล่าว

เทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา ชี้แจงว่า การแก้ไขของกมธ. วุฒิสภาเป็นไปตามเจตจำนงค์ของกฎหมายเพื่อให้เกิดการประมงอย่างยั่งยืน และชี้แจงว่ามาตรานี้ไม่ได้ห้ามจับปลากะตักในเวลากลางวัน ตอนนี้ยังจับได้ แต่การเพิ่มให้จับได้ในเวลากลางคืนจะเสี่ยงกระทบกับความสมดุลของระบบนิเวศซึ่งเขียนไว้ในมาตรา 4 ของร่างกฎหมายฉบับนี้ เป็นการขัดต่อเจตจำนงค์ของกฎหมาย คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา จึงมีความเห็นให้แก้ไข

(ภาพ : สมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย)

เครือข่ายประมงพื้นบ้านยื่น “หนุนมติ กมธ. วุฒิสภา”

ก่อนการประชุมวุฒิสภาในช่วงเช้า สมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย นำโดย ปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมฯ เดินทางมายื่นหนังสือต่อประธานวุฒิสภาเพื่อขอให้ที่ประชุมวุฒิสภาสนับสนุนมติของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณากฎหมายประมง วุฒิสภา ที่ไม่เห็นชอบแก้มาตรา 69 ตามที่สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ โดยมี ธนกร ถาวรชินโชติ สมาชิกวุฒิสภา เป็นผู้รับหนังสือแทน 

“ในการนี้ทราบว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภาได้มีมติให้แก้ไขมาตรา 69 โดยมีเนื้อหากำหนด ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมืออวนล้อมจับทุกประเภทที่มีช่องตาอวนเล็กกว่าสองจุดห้าเซนติเมตรทำการ ประมงในเวลากลางคืน ถือว่าตรงกับเจตนารมณ์ของประชาชน เครือข่ายชาวประมงพื้นบ้าน เครือข่ายนักตกปลา เครือข่ายนักดำน้ำ ภาคประชาสังคม เครือข่ายผู้บริโภค และองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ สอดคล้องกับการประมงอย่างยั่งยืนบนฐานการบริหารทรัพยากรธรรมชาติที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยยังคงทำการประมงได้ต่อไปในอนาคต

สมาคมฯ ขอเป็นตัวแทนเครือข่ายทั้งหมด 156 กลุ่มองค์กรดังรายนามที่แนบมาด้วยแล้วนั้น สนับสนุนมติของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วุฒิสภา ที่ได้แสดงความมุ่งมั่นในการกลั่นกรองกฎหมายเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของส่วนรวมอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประเทศไทยตรากฎหมายบริหารจัดการบนหลักการมีส่วนร่วมความเป็นธรรมสมดุลยั่งยืน อย่างไม่เอารัดเอาเปรียบทั้งคนและธรรมชาติ

จึงขอความกรุณาท่านสมาชิกวุฒิสภาได้โปรดโหวตสนับสนุนมติของคณะกรรมาธิการฯ สว. ดังกล่าว เพื่อนำไปสู่กระบวนการแก้ไขปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมงฯ ต่อไป” หนังสือจากสมาคมฯ ระบุ ก่อนเดินทางไปติดตามความคืบหน้าของที่ประชุมวุฒิสภาโดยปักหลักติดตามที่หน้าอาคารรัฐสภา (สัปปายะสภาสถาน) ฝั่งวุฒิสภา

(ภาพ : สมาคมรักษ์ทะเลไทย)

หลังการลงมติ ตัวแทนสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย ได้แถลงข่าวขอบคุณ สว. ที่หยุดมาตรา 69

“ขอบคุณกรรมาธิการเสียงข้างมาก วุฒิสภา และสมาชิกวุฒิสภาที่มีมติเห็นชอบตามที่ กมธ. เสนอ ทำให้เราเห็นว่าเมื่อมีข้อมูลครบถ้วนรอบด้าน การตัดสินใจของวุฒิสภาก็เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ เป็นการตัดสินใจโดยตั้งอยู่บนฐานข้อมูลที่ครบถ้วน อยู่บนฐานของการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ขอบคุณสมาชิกวุฒสภาจากใจจริงที่ทำให้เห็นว่าบ้านเมืองยังมีความเป็นธรรม ยังมีคนที่คอยปกป้องผลประโยชน์ของชาติ

ขั้นตอนต่อไปเราจะดูว่าสภาผู้แทนราษฎรจะทำอย่างไรต่อไป และหวังว่ามติของวุฒิสภาจะกระตุ้นเตือนฝั่ง สส. ว่าท่านไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมาธิการร่วมพิจารณาร่วมก็ได้ ถ้าเห็นชอบกับสว. ก็ประกาศใช้เป็นกฎหมายได้เลย แต่อย่างไรเสียหากยังต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วม ก็หวังว่าข้อมูลที่มันครบถ้วนรอบด้านแล้วจะทำให้พรรคการเมือง และสส. ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น” ปิยะ แถลง

Scroll to Top