คณะผู้แทนจากประเทศติมอร์-เลสเต โดยกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ศึกษาดูงานกลุ่มประมงพื้นบ้านบางตะบูน เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ณ โรงเรียนบางตะบูนวิทยา จังหวัดเพชรบุรี
คุณเฉลิมเกียรติ ไกรจิตต์ ผู้แทนชาวบ้านบางตะบูน กล่าวต้อนรับคณะทูตฯ และได้นำเสนอภาพรวมทรัพยากรของอ่าวบางตะบูน ตำบลบางตะบูน อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี โดยกล่าวถึง ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร การจัดการอ่าว ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของการเป็นอ่าวที่เชื่อมต่อกัน ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่รับน้ำเสียจากการทำปศุสัตว์ในจังหวัดราชบุรี ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำที่ปากอ่าวและการเพาะเลี้ยงหอย ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นส่งผลต่อคุณภาพน้ำทำให้กระทบต่อการเพาะเลี้ยงหอยแครง ปัญหาการระบาดของปลาหมอคางดำ ซึ่งทางพื้นที่ได้มีการรวมตัวจัดตั้งกลุ่มเพื่อทำงานร่วมกับองค์กรพัฒนาสังคม คือ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ภาครัฐ เช่น กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำการวิจัยในพื้นที่เพื่อเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ในพื้นที่ เพื่อสนับสนุนในการออกแบบกระบวนการ แนวทางแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างมีส่วนร่วมจากชุมชนและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวเพิ่มเติมถึงการบริหารจัดการใช้ทรัพยากรชายฝั่งในพื้นที่ อาทิ การแปรรูปจากสตรีในพื้นที่ เช่น การทำปลาแดดเดียวของป้าเยาว์ การทำกุ้งแห้งของเจ๊ออด การนำผลแสมและรำพูมาแปรรูปเป็นขนมและน้ำดื่มจากป้าเร (เจ้าของเพจ ป้าเร ขนมไทยชายเลน) เป็นการเพิ่มรายได้และอนุรักษ์ภูมิปัญญาของท้องถิ่น ทั้งนี้ได้มีการนำขนมและน้ำดื่มดังกล่าวมาให้ทางคณะทูตฯ ได้รับประทานเป็นอาหารว่าง ซึ่งทางคณะทูตฯ ให้ความสนใจและชื่นชอบเป็นอย่างมาก ต่อมาในช่วงสุดท้าย กำนันณรงค์ สิทธิรุ่ง ได้นำเสนอการใช้ทรัพยากรป่าชายเลนและการปลูกทดแทน คือ การเผาถ่านไม้โกงกาง ซึ่งการเผาถ่านไม้โกงกางต้องเลือกใช้เฉพาะโกงกางใบเล็ก แต่ในป่าชายเลนธรรมชาติไม่ได้มีแต่ต้นโกงกาง ยังมีแสมและไม้อื่น ๆ ด้วย เพื่อให้มีวัตถุดิบเพียงพอต่อการประกอบอาชีพ จึงต้องถางป่าเดิมและปลูกป่าโกงกางขึ้นมาใหม่ ใช้เวลาอย่างน้อย 12 ปี เพราะฉะนั้นจึงต้องปลูกป่ากันอย่างจริงจังและไม่หยุดยั้ง เพื่อให้มีไม้หมุนเวียนใช้ได้อย่างต่อเนื่อง ป่าชายเลนจึงยังคงหนาแน่นและอุดมสมบูรณ์ หลังจากนั้นทางคณะทูตฯ ได้เดินทางลงสำรวจแหล่งอนุรักษ์ป่าชายเลน ที่ตั้งอยู่ด้านหลังโรงเรียนบางตะบูนวิทยา ป่าชายเลนในแถบบริเวณนี้ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีจึงค่อนข้างอุดมสมบูรณ์มาก มีพื้นที่ประมาณ 40 ไร่




