ฉันกำลังนั่งดูโปสเตอร์การเกษตรด้วยกันสองคนกับพี่เบียบ สักพักพี่เบียบก็ถามขึ้นมาว่า “หนำสวย ๆ แบบนี้มีจริงม้าย” ฉันจึงตอบว่า “น่าจะมีนะ แต่ที่ดูดีขนาดนี้เขาคงตัดต่อให้ดูสวยขึ้น … เอ๊ะ ! แล้วภาคใต้มีหนำมั้ย ? ? ? คะ ”
“ลุงฝากรถไถหน่อยนะ” เสียงเจื้อยแจ้วของใครต่อใครตะโกนบอกเจ้าของหนำน้อยกลางทุ่ง จนเป็นเรื่องเคยชินสำหรับเจ้าเรือนไปซะแล้ว ใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องแวะทักทาย เพราะสองสามีภรรยาอาศัยอยู่ที่ขนำตลอดทั้งปี เป็นคนใจดี และมีน้ำใจ
ยามหน้าฝนมาเยือนในเดือน 8 เป็นการเริ่มต้นของฤดูกาลทำนาที่พัทลุง เราจะพบเจอชาวนาได้ในทุกแปลง แต่ละคนจะหอบหิ้วอาหารกลางวันมาด้วย เพราะการเดินทางกลับไปกินข้าวที่บ้าน และกลับมาทำนาต่อต้องเสียเวลามาก ถนนหนทางไม่สะดวก ไม่มีมอเตอร์ไซค์ ไม่มีถนนในนา แม้กระทั่งการขี่จักยานยังยากเลย จึงต้องเดินอย่างเดียว ชาวนาส่วนใหญ่จึงมีหนำเป็นของตนเอง ไว้เพื่อกินข้าว พักผ่อน บางคนพาครอบครัวมาอยู่ตลอดฤดูกาลทำนา ก็จะปลูกผักหาปลากันแถว ๆ นั้น เพื่อเป็นแหล่งอาหารของครอบครัว
เมื่อเริ่มมีอบต. การพัฒนาและความสะดวกสบายก็เกิดขึ้น ถนนหนทางเริ่มตัดผ่านทุ่งนา ระบบชลประทานเริ่มเข้ามา มอเตอร์ไซค์มีใช้กันทุกบ้าน พอทำนาช่วงเช้าเสร็จ ข้าวกลางวันก็กลับมากินที่บ้าน ยิ่งเวลาผ่านไปการทำนายิ่งใช้เวลาน้อยลง จากรถไถเดินตามเปลี่ยนเป็นรถไถขนาดใหญ่ จากการเกี่ยวมือโดยใช้แกระ เป็นรถเกี่ยวข้าว เกี่ยวเสร็จในวันเดียว แต่ต้องรอคิวนานเพราะใคร ๆ ก็ต้องการรถเกี่ยว ฤดูกาลทำนาก็เปลี่ยนแปลงไป ฤดูฝนมาช้าลง ชาวนาต้องเริ่มทำนาช้าลง เมื่อข้าวโตไม่ทันน้ำท่วมทุกปี ทำให้บางคนเลิกทำนาปีไปเลย หรือ ปรับที่นาไปทำสวนยาง สวนปาล์มก็มีเมื่อความเปลี่ยนแปลง และความสะดวกสบายมาถึงในทุ่งนา ความอบอุ่นในหัวใจก็เริ่มจางหายไป
ยามบ่ายในฤดูฝน ช่วงพักกินข้าวกลางวัน ลุงจะจับปลาจากคลอง ป้าจะเก็บผักสวนครัวที่ปลูกไว้มาทำกับข้าวกิน บางวันเพื่อนชาวนาพาข้าวห่อมาจากบ้าน ก็จะมานั่งล้อมวงกินข้าวกัน กับแกงเลียงอุ่น ๆ ที่ป้าทำ กินตอนฝนพรำ ที่อากาศชื้น ๆ เย็น ๆ เหมาะกับฤดูฝนดีจริง
ยามเย็นในฤดูฝน เป็นช่วงเวลาแห่งการพบปะของผู้คนหลายวัย ทั้งวัยรุ่น วัยกลางคน รวมทั้งชาวนารุ่นใหญ่ ต่างมานั่งตั้งวงคุยกันอย่างสนุกสนานที่หนำแห่งนี้ หลังจากทำงานเหนื่อยมากันทั้งวัน หนำนี้จึงเหมือนเป็นแหล่งรวมชาวนาก็ว่าได้ และบางครั้งเวลาฝากมอเตอร์ไซค์ไว้ตอนเช้า พอตกเย็นกลับจากทำนา ในตะกร้ารถจะเต็มไปด้วยผักผลไม้เป็นของฝากให้เด็ก ๆ ที่บ้านได้กินกัน พี่เบียบเล่าให้ฟังอย่างมีความสุข
ยามเช้าในฤดูฝน ช่วงเวลาแห่งการทำนาเริ่มขึ้นช้าลง รถไถใหญ่วิ่งไปมาในทุ่งนา ใครที่ใช้รถไถเดินตามอยู่คงหาที่ฝากหลังเสร็จงานลำบาก คงต้องหาที่ซ่อนตามกอกก กอหญ้า ป้องกันขโมยที่มีมากขึ้นในหมู่บ้าน
ทุกครั้งที่เข้าไปทุ่งนา เดินผ่านหนำของลุงกับป้า ก็เกิดความคิดถึงความอบอุ่น สนิทสนมที่มีต่อกัน เพื่อนชาวนาที่คุ้นเคย ณ จุดศูนย์รวมนี้ ขนำร้างเสียแล้ว ลุงจากไปได้ 2-3 ปี ป้ากลับไปอยู่กับลูกหลานในหมู่บ้าน หนำแห่งนี้คงอยู่เพียงในความทรงจำของบางคนเท่านั้น
กาลเวลาเดินไปข้างหน้าตลอดเวลา ผู้คนมากหน้าหลายตาหมุนเวียนเปลี่ยนไป ขนำผุพังไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเวลา และวิถีชีวิตที่รวดเร็ว ความทรงจำยังคงติดค้างไปกับคนบางคน และยากที่จะคาดการณ์ถึงสิ่งใหม่ ๆ ที่กำลังเข้ามา เมื่อทุกสิ่งรอบตัวเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา และตัวเราเองก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน